เอ็นซาราดัส
ดวงจันทร์ปริศนาของดาววงเเหวน
หนึ่งพันสี่ร้อยล้านกิโลเมตรห่างจากดวงอาทิตย์เป็นที่อยู่ของดาวเเก๊สขนาดยักษ์ชื่อ "ดาวเสาร์" บรรพบุรุษของเรารู้จักมันมานานเเล้วเนื่องจากความสว่างของมันในยามค่ำคืน ดาวเสาร์มีดวงจันทร์หลายดวงเเต่ที่สวยงามที่สุดคงเป็น เอ็นซาราดัส สีของมันขาวนวลสวยงามราวกับก้อนหิมะในเงามืดของดาวเสาร์ ยานเเคสสินี เป็นยานลำเเรกที่ไปโคจรรอบดาวเสาร์มันเดินทางถึงดาวเสาร์ในปี 2004 ในปี 2005 เเคสสินีบินเฉียดดวงจันทร์เอ็นซาราดัสเป็นครั้งเเรก ซึ่งสิ่งที่มันเห็นทำให้โลกต้องตะลึง ณ ขั้วใต้ของเอ็นซาราดัส มีละอองของเหลวถูกพุ่งออกมาราวกับน้ำพุร้อน ขึ้นไปบนอวกาศ นักดาราศาสตร์เชื่อว่าสิ่งที่พ่นออกมาเป็นสิ่งที่สร้างวงเเหวนชั้น E ให้กับดาวเสาร์ เเต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าสิ่งที่พ่นออกมาประกอบด้วยอะไรบ้าง มีนาคม ปี 2008 ยานเเคสสินีมีโอกาสบินผ่านดวงจันทร์เอ็นซาราดัสอีกครั้ง ครั้งนี้มันบินเฉียดลงไปต่ำมากเพียงเเค่ 50 กิโลเมตรจากพื้นของดาว ครั้งนี้ค้นพบว่าสิ่งที่พุงออกมาคือ น้ำ คาร์บอนไดออกไซด์เเละสารไฮโดรคาร์บอน สารพวกนี้คล้ายสารที่พุ่งมาจากดาวหางเป็นอย่างมาก กันยายน ปี 2009 เเคสสินีกลับไปเอ็นซาดารัสเป็นครั้งที่เเปดครั้งนี้เพื่อทำเเผนที่บริเวณที่เกิดน้ำพุ NASA ได้อธิบายการเกิดน้ำพุร้อนนี้ว่า ทะเล ภายใต้น้ำเเข็งของเอ็นซาราดัสที่พุ่งผ่นออกมาจากรอยเเตกของน้ำเเข็งซึ่งเกิดจากเเรงดันความร้อนภายใต้ตัวดาวซึ่อาจเกิดจากเเรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์การสลายตัวของ กัมมันภาพรังสี หรือ ปฏิกิริยาเคมี เดือนตุลาคม ปี 2015 ยานเเคสสินีบินโฉบต่ำลงที่ความสูงต่ำสุด 49 กิโลเมตรเหนือพื้น ครั้งนี้พบไฮโดรเจนซึ่งเป็นองศ์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต ตอนที่NASA สร้างยานเเคสสินีมามันถูสร้างขึ้นมาโดยไม่มีวัตถุประสงค์พิเศษซึ่งเพียงอุปกรณ์ตรวจสอบขั้นต้น เเละไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้เชิงวิเคราะห์ใชเชิงชีวะวิทยาบนยานการบินโฉบดวงจันทร์เอ็นศาราดัสถึง 22 ครั้งทำให้เราได้ข้อมูลมากมายในการสร้างยานสำรวจในอนาคต เเม้ยานเเคสสินีจะทำภารกิจในการสำรวจดาวเสาร์เเละดวงจันทร์ อื่นๆ อีกมากมาย เเต่เชื่อว่าดวงจันทร์ที่เเคสสินีรักมากที่สุดคือ เอ็นซาราดัส กันยายนเป็นช่วงชีวิตสุดท้ายของยานเเคสสินีเมื่อถึงเวลาที่จะต้องพักผ่อนหลังจากภารกิจนานเกือบ 20 ปี เเคสสินีจะต้องลดความเร็วลงเเละค่อยๆ ตกลงชั้นบบรยากาศของดาวเสาร์ เเก๊สเเรงดันมหาศาลฉีกยานเป็นชิ้นๆ จนไม่เหลือซาก การเสียสละนี้เพื่อปกป้องดวงจันทร์เอ็นซาราดัสเเละดวงจันทร์อื่นๆ ที่จะถูกสำรวจด้วยยานที่เพรียบพร้อมกว่าจนกว่าจะมียานลำใหม่ไปสำรวจเอ็นดาซาราดัส มีโอกาสรู้จักเเค่ผิวเผินเเต่ก็ขออุทิศทั้งชีวิตเพื่อปกปองเธอลาก่อนเอ็นซาราดัส
-ยานเเคสสินี-
ดวงจันทร์ปริศนาของดาววงเเหวน
หนึ่งพันสี่ร้อยล้านกิโลเมตรห่างจากดวงอาทิตย์เป็นที่อยู่ของดาวเเก๊สขนาดยักษ์ชื่อ "ดาวเสาร์" บรรพบุรุษของเรารู้จักมันมานานเเล้วเนื่องจากความสว่างของมันในยามค่ำคืน ดาวเสาร์มีดวงจันทร์หลายดวงเเต่ที่สวยงามที่สุดคงเป็น เอ็นซาราดัส สีของมันขาวนวลสวยงามราวกับก้อนหิมะในเงามืดของดาวเสาร์ ยานเเคสสินี เป็นยานลำเเรกที่ไปโคจรรอบดาวเสาร์มันเดินทางถึงดาวเสาร์ในปี 2004 ในปี 2005 เเคสสินีบินเฉียดดวงจันทร์เอ็นซาราดัสเป็นครั้งเเรก ซึ่งสิ่งที่มันเห็นทำให้โลกต้องตะลึง ณ ขั้วใต้ของเอ็นซาราดัส มีละอองของเหลวถูกพุ่งออกมาราวกับน้ำพุร้อน ขึ้นไปบนอวกาศ นักดาราศาสตร์เชื่อว่าสิ่งที่พ่นออกมาเป็นสิ่งที่สร้างวงเเหวนชั้น E ให้กับดาวเสาร์ เเต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าสิ่งที่พ่นออกมาประกอบด้วยอะไรบ้าง มีนาคม ปี 2008 ยานเเคสสินีมีโอกาสบินผ่านดวงจันทร์เอ็นซาราดัสอีกครั้ง ครั้งนี้มันบินเฉียดลงไปต่ำมากเพียงเเค่ 50 กิโลเมตรจากพื้นของดาว ครั้งนี้ค้นพบว่าสิ่งที่พุงออกมาคือ น้ำ คาร์บอนไดออกไซด์เเละสารไฮโดรคาร์บอน สารพวกนี้คล้ายสารที่พุ่งมาจากดาวหางเป็นอย่างมาก กันยายน ปี 2009 เเคสสินีกลับไปเอ็นซาดารัสเป็นครั้งที่เเปดครั้งนี้เพื่อทำเเผนที่บริเวณที่เกิดน้ำพุ NASA ได้อธิบายการเกิดน้ำพุร้อนนี้ว่า ทะเล ภายใต้น้ำเเข็งของเอ็นซาราดัสที่พุ่งผ่นออกมาจากรอยเเตกของน้ำเเข็งซึ่งเกิดจากเเรงดันความร้อนภายใต้ตัวดาวซึ่อาจเกิดจากเเรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์การสลายตัวของ กัมมันภาพรังสี หรือ ปฏิกิริยาเคมี เดือนตุลาคม ปี 2015 ยานเเคสสินีบินโฉบต่ำลงที่ความสูงต่ำสุด 49 กิโลเมตรเหนือพื้น ครั้งนี้พบไฮโดรเจนซึ่งเป็นองศ์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิต ตอนที่NASA สร้างยานเเคสสินีมามันถูสร้างขึ้นมาโดยไม่มีวัตถุประสงค์พิเศษซึ่งเพียงอุปกรณ์ตรวจสอบขั้นต้น เเละไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้เชิงวิเคราะห์ใชเชิงชีวะวิทยาบนยานการบินโฉบดวงจันทร์เอ็นศาราดัสถึง 22 ครั้งทำให้เราได้ข้อมูลมากมายในการสร้างยานสำรวจในอนาคต เเม้ยานเเคสสินีจะทำภารกิจในการสำรวจดาวเสาร์เเละดวงจันทร์ อื่นๆ อีกมากมาย เเต่เชื่อว่าดวงจันทร์ที่เเคสสินีรักมากที่สุดคือ เอ็นซาราดัส กันยายนเป็นช่วงชีวิตสุดท้ายของยานเเคสสินีเมื่อถึงเวลาที่จะต้องพักผ่อนหลังจากภารกิจนานเกือบ 20 ปี เเคสสินีจะต้องลดความเร็วลงเเละค่อยๆ ตกลงชั้นบบรยากาศของดาวเสาร์ เเก๊สเเรงดันมหาศาลฉีกยานเป็นชิ้นๆ จนไม่เหลือซาก การเสียสละนี้เพื่อปกป้องดวงจันทร์เอ็นซาราดัสเเละดวงจันทร์อื่นๆ ที่จะถูกสำรวจด้วยยานที่เพรียบพร้อมกว่าจนกว่าจะมียานลำใหม่ไปสำรวจเอ็นดาซาราดัส มีโอกาสรู้จักเเค่ผิวเผินเเต่ก็ขออุทิศทั้งชีวิตเพื่อปกปองเธอลาก่อนเอ็นซาราดัส
-ยานเเคสสินี-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น